Euromonitor International บริษัทวิจัยชั้นนำของโลกได้นำเสนอแนวโน้มการ ท่องเที่ยวโลกในงาน World Travel Mart 2013 (WTM 2013) ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2556 ดังนี้
1. Americas : PANKs – A New Demographic
กลุ่มทางการตลาดใหม่ที่เรียกว่า ‘PANKs’ หรือ ‘Professional Aunt, No Kids’ ผู้ซึ่งมีการใช้จ่ายทางการท่องเที่ยวหลายพันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเดินทางท่องเที่ยวกับหลานๆ
2. UK : Travel Happiness Index
เว็บไซต์ Routehappy.com ได้ริเริ่มกำหนดค่าคะแนนความสุข ‘Happiness Score’ เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารสามารถเลือกเที่ยวบิน ที่สะดวกสบายและเหมาะสมได้ ทั้งนี้ บรรดาสายการบินต่างทำงานอย่างหนักเพื่อขับเคลื่อนการเดินทางทางอากาศให้พ้นจากการเป็นสินค้า (Commoditised) ที่อาศัยปัจจัยด้านราคาและตารางบิน
3. Europe : Next Generation Peer-to-Peer
ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ส่งผลให้นักเดินทางชาวยุโรปหาที่พักราคาประหยัด แนวโน้มนี้เติบโตเป็นอย่างมาก ดังจะเห็น ได้จากการเติบโตของเว็บไซต์ เช่น Airbnb, HouseTrip และ HomeAway ซึ่งให้บริการด้านที่พัก ตลอดจนการให้บริการ ‘การใช้รถ ร่วมกัน’ (Car Sharing) หลังจากที่ Avis ซื้อกิจการของ Zipcar
4. Middle East : Low-Cost Goes Upmarket
แนวโน้มนี้เห็นได้ชัดเจนจากการที่สายการบินต้นทุนต่ำ เช่น Jazeera เปิดให้บริการชั้นธุรกิจในราคา ที่ต่ำกว่าสายการบินทั่วไปและยังคงได้ผลกำไร เช่นเดียวกับบริการของสายการบิน Flydubai
5. Africa : The Big Five with Your Little One
ความสำเร็จของภาพยนตร์ฮอลลีวูดเช่น Madagascar และ Lion King เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เด็กๆ ต้องการที่จะเห็นสัตว์ป่าจริงๆ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยวแบบซาฟารี ในแอฟริกาในปัจจุบันที่เอื้อให้เด็กๆ และลูกค้ากลุ่มครอบครัวที่ประกอบไปด้วย คนหลายกลุ่มอายุสามารถใช้เวลาร่วมกัน ส่งเสริมให้การท่องเที่ยวแบบซาฟารี ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะขยายไปสู่การท่องเที่ยวแบบ Volunteerism การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ตลอดจนการท่องเที่ยวแบบเรือสำราญ
6. Asia : Fight for Cruise Control in China
เป็นที่คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวแบบเรือสำราญ (Cruise) ของจีนจะมี ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกาในปี 2017 โดยคาดว่าในปี 2013 จะมีนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางกับเรือสำราญถึง 200,000 ราย (Royal Caribbean) ซึ่งรัฐบาลจีนเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยประกาศให้ปี 2013 เป็นปี Marine Tourism Year ตลอดจนมีแผนระยะ 5 ปี เพื่อรองรับการเติบโตที่จะเกิดขึ้น
7. India : The Travel Social Shake-up
จากสถิติพบว่าประชากรร้อยละ 12 ของอินเดียใช้ Facebook ในขณะที่ Facebook ประกาศว่า มีชาวอินเดียถึง 82 ล้านรายที่ลงทะเบียนใช้สื่อสังคมออนไลน์ของตน และทำให้เป็นประเทศที่ใช้ Facebook เป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐอเมริกาและบราซิล ทั้งนี้บรรดาบริษัทนำเที่ยวออนไลน์ ต่างนำสื่อสังคมออนไลน์เข้ามาเพื่อช่วยส่งเสริมการขาย รวมไปถึงกระทรวงการท่องเที่ยวของอินเดีย ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เช่นเดียวกับโรงแรมหรูกว่าร้อยละ 70 ในเมืองหลักที่ใช้ช่องทางดังกล่าว
8. Travel Technology : Mobile Concierge
จากการที่ธุรกิจท่องเที่ยวต่างใช้ช่องทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการเข้าถึงลูกค้าทั้งการบริการและ เพิ่มยอดขาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกค้ามีความคาดหวังที่จะได้คำตอบเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่เป็นปัจจุบัน (Real-time) และเป็นบริการเฉพาะตัวบุคคล (Customisation) ในทุกที่ ทุกเวลา ทั้งก่อน ระหว่างและหลังจากการเดินทาง ทั้งนี้ ในปี 2012 ยอดขายทางการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตร้อยละ 8.4 และมีมูลค่า 524 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเป็นที่คาดการณ์ ว่ายอดขายสินค้าท่องเที่ยวออนไลน์จะมีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 9.5 ในอีก 5 ปีข้างหน้า
9. Global Village : Vacancy on Demand–Chasing the 24-hour Traveller
โรงแรมกำลังเพิ่มสัดส่วนการให้บริการห้องประเภทต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางทั้งเพื่อการพักผ่อนและธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยมีช่วงระยะเวลาให้เลือกใช้หลากหลาย รวมทั้งการให้บริการแบบสั้นมากๆ หรือที่เรียกว่า ‘Microstays’ เช่นการที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางเพื่อธุรกิจต้องการใช้ระหว่างวัน (Day-use) เพื่อพักผ่อนระหว่างตารางนัดหมายหรือรอเที่ยวบินหรือใช้เป็นพื้นที่ทำงาน ทั้งนี้โรงแรมก็กำลังจะก้าวไปสู่การเป็นออฟฟิศในอนาคตสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เช่นกัน
เรียบเรียง : ณัฏฐิรา อำพลพรรณ